วันอาทิตย์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2559

10 อันดับ Blogger สอนเขียนโปรแกรม

10 อันดับ Blogger สอนเขียนโปรแกรม

1.คอร์ดรวมพื้นฐานการแฮค และ เทคนิคที่ใช้แฮค
:http://kiss-hack.blogspot.com/2014/12/pentesting-hacking-webapplication.html

2.กฏระเบียบในเว็บและเพจ (วงการด้วย)
:http://kiss-hack.blogspot.com/2013/09/blog-post.html

3.PHP เบื้องต้น (คุยกันก่อน)
:http://kiss-hack.blogspot.com/2013/08/php.html

4.อยากเป็น Hacker
:http://kiss-hack.blogspot.com/2013/08/hacker.html

5.มาพูดถึงเรื่องการ ยิงIP ด้วย Flood ต่างๆกัน
:http://kiss-hack.blogspot.com/2013/08/ip-flood.html

6.สอนเขียน Java ขั้นพื้นฐานพร้อมกับ E-BOOK
:http://xn--72c0ahm0b6dtbw6k.blogspot.com/2012/04/java-e-book.html

7.c/c++ robot simulator เรียนรู้การเขียนโปรแกรมควบคุมหุ่นยนต์
:http://krumonrobot.blogspot.com/

8.สร้างแบบฟอร์มลงทะเบียน แบบฟรี Form Free Google Drive
:http://kobover.blogspot.com/2014/03/form-free-google-drive.html

9.เขียนโปรแกรมโดยใช้วิชวลเบสิก 2008 (visual basic 2008)
:http://code-visual-basic.blogspot.com/

10.JAVA เบื้องต้น
:http://www.javathailand.com/ajax/app/index.php?r=frontend/viewByGroupVdoId&group_vdo_id=1

10 อันดับ Blogger ที่คิดว่าน่าสนใจ

อันดับ 1 Pearypie: Make-up Artist/Theatrical Artist : 473,953 likes เป็นใครไปไม่ได้เลยเพราะสาวแพรรี่พาย นอกจากจะมีฮาวทูการแต่งหน้าออกมาให้สาวๆได้อัพเดทกันอยู่เสมอ ยังมีทั้งแฟชั่นการแต่งกาย ที่บอกเลยว่ามาแรงแซงทางโค้งจริงๆ


อันดับ 2 แย้ นนทพร ธีระวัฒนสุข : 387,207 like 
ด้วยความที่เป็นพริตตี้สาวมากความสามารถ จึงทำให้ยอดไลค์ของหญิงแย้ มาเป็นอันดับที่ 2 ทั้งแบ่งปันวิธีการดูแลตัวเอง ตั้งหัวจรดเท้า แถมยังเป็นผู้หญิงที่เป็นตัวของตัวเองสุดๆ ทำให้ใครหลายๆคนยกให้หญิงแย้ เป็นไอดอล


อันดับ 3 Sp Saypan : 336,041 likes เป็นอีกหนึ่งสาวบิ้วตี้ บล็อกเกอร์ที่มาแรงอยู่ในตอนนี้ สายป่าน หรือใครๆหลายคนอาจจะรู้จักในนามของ ป่านศรี ด้วยความน่ารักและความจริงใจในการรีวิวผลิตภัณฑ์และเทคนิคในการดูแลตัวเอง ต่างๆ ทำให้สาวๆหลายคนเทใจให้สาว บิ้วตี้ บล็อกเกอร์คนนี้


อันดับ 4Momay Pa Plearn : 275,791 likes โมเม พาเพลิน สาวไทยต่างขนานนามให้เธอว่า " คุณแม่ " ด้านการแต่งหน้าตัวจริง โมเม พาเพลิน ถือว่าเป็นผู้ที่ทำให้สาวๆหลายคนที่คิดจะเริ่มฝึกแต่งหน้า คิดถึงเธอเป็นคนแรก

อันดับ 5 FEONALITA : 182,713 likes 
ทราย ฟีโอนาลิต้า บิ้วตี้ บล็อกเกอร์ที่ใครหลายคนคงจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี สาวร่างเล็กคนดังประจำโต๊ะเครื่องแป้งพันทิป เธอมีทั้งเคล็ดลับการดูแลเสื้อผ้าหน้าผม รวมถึงการรีวิวผลิตภัณฑ์ความงามอีกมากมาย

อันดับ 6 Kunginter : 113,099 likes กุ้ง อินเตอร์ เป็นบิ้วตี้ บล็อกเกอร์อีกคนหนึ่งที่มีวิธีการดูแลตัวเองแบ่งปันให้ชาวแฟนเพจเสมอ ทั้งการดูแลผิวหน้า ผิวกาย รีวิวผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย จึงทำให้แฟนเพจส่วนใหญ่มีทั้งผู้หญิงและผู้ชาย

อันดับ 7 I'm Mayyr - Blog : 78,395 like 
เป็นสาวน้อยน่ารักอีกคนหนึ่ง ที่กลายเป็นที่รู้จักของสาวๆส่วนใหญ่เพราะการแต่งหน้า ทั้งการรีวิวเครื่องสำอางและของใช้คุณภาพดี บวกกับหน้าตาที่น่ารักจิ้มลิ้มทำให้แฟนเพจของคุณเมย์เป็นผู้ชายไม่น้อยเลยที เดียว

อันดับ 8 Cinnamongal.com : 77,810 likes 
คุณมด บิ้วตี้ บล็อกเกอร์อีกหนึ่งคนที่สาวๆคงจะรู้จักกันเป็นอย่างดี เธอเปิดร้านขนมและยังเป็นที่รู้จักในวงการบิ้วตี้ บล็อกเกอร์ ที่มากความสามารถจริงๆ

อันดับ 9 OnnBaby : 21,729 likes บล็อกเกอร์สาวสุดชิค กลายเป็นที่รู้จักของสาวๆจากการแบ่งปันเคล็ดลับและเทคนิคดีๆในการดูแลตัวเอง และยังเปิดตัวแบรนด์เครื่องสำอางที่แพคเกจแสนจะน่ารักกุ๊กกิ๊ก

อันดับ 10 Jelly Fish Makeup Mania : 19,022 likes ปิดท้ายด้วยสาวสวยคนนี้ คุณจูน ที่มีทั้งฮาวทูการแต่งหน้าและยังแบ่งปันเทคนิคในการทำทรงผมต่างๆมากมาย สาวๆหลายคนจึงไม่รีรอที่จะกดติดตามเธอเพื่ออัพเดททริคในการดูแลตัวเองอย่าง รอบด้าน

พรบ. คอมพิวเตอร์ และตัวอย่างการกระทำผิดแบบเข้าใจง่าย

พรบ. คอมพิวเตอร์ และตัวอย่างการกระทำผิดแบบเข้าใจง่าย





ตัวอย่างการกระทำที่มีความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550

ตัวอย่างพฤติกรรมที่มีความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550


1: พฤติกรรม:     ใช้ user name/password ของผู้อื่น Log in เข้าสู่ระบบ
    ฐานความผิด:  มาตรา 5 ปรับไม่เกิน 10,000.- จำคุกไม่เกิน 6 เดือน
    ข้อแนะนำ:    ไม่ใช้ user/password ของผู้อื่น และห้ามไม่ให้ผู้อื่นล่วงรู้ password ของตน


2. พฤติกรรม:     Forward email ที่มีข้อความ เนื้อหา หรือรูปภาพที่ไม่เหมาะสม เป็นเท็จ กระทบความมั่นคง หรือลามกก่อนาจาร
   ฐานความผิด:   มาตรา 14 ปรับไม่เกิน 100,000.- จำคุกไม่เกิน 5 ปี
   ข้อแนะนำ:     ไม่ forward email ที่ไม่เหมาะสม


3. พฤติกรรม:    โพสข้อความตามกระทู้ต่างๆ ที่มีเนื้อหาไม่เหมาะสม เป็นเท็จ กระทบความมั่นคง หรือลามกอนาจาร
   ฐานความผิด:  มาตรา 14 ปรับไม่เกิน 100,000.- จำคุกไม่เกิน 5 ปี
   ข้อแนะนำ:     ใช้วิจารณญาณในการแสดงความคิดเห็น และคำนึงถึงผลที่จะตามมา


4. พฤติกรรม:    เผยแพร่ภาพตัดต่อให้ผู้อื่นได้รับความเสื่อมเสีย หรืออับอาย
    ฐานความผิด: มาตรา 16 ปรับไม่เกิน 60,000.- จำคุกไม่เกิน 3 ปี
 

          การก่อกวนหรือลักขโมยข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ เป็นการกระทำที่กฎหมายอาญาใช้กันอยู่ ไม่สามารถเอาผิดได้ เนื่องจากเป็นความผิดที่ทันสมัย ไม่สามารถปรับข้อกฎหมายเอาผิดได้ จึงได้มีกฎหมายเฉพาะเพื่อเอาผิดกับบรรดาแฮกเกอร์ จอมก่อกวนทั้งหลาย ชื่อ พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2550

          ใครที่คิดจะทำความผิด ให้รีบเสียก่อนที่กฎหมายจะมีผลบังคับใช้ เมื่อกฎหมายใช้บังคับแล้ว ขอให้หยุดก่อกวนชาวบ้าน จะได้ไม่ต้องย้ายภูมิเนาไปอยู่ในคุก

           กฎหมายฉบับนี้มีทั้งหมด 30 มาตรา บัญญัติความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ไว้ค่อนข้างครอบคลุม จึงทำให้ต้องใช้ภาษาทางกฎหมาย เพื่อให้มีความหมายเผื่อไว้สำหรับวิธีการใหม่ๆ ที่อาจเกิดขึ้นภายหลัง อัตราโทษสำหรับลงโทษผู้กระทำผิด มีตั้งแต่ปรับอย่าเดียว จนสูงสุดจำคุกถึง 20 ปี ซึ่งพอสรุปเป็นภาษาให้อ่านเข้าใจง่ายๆดังนี้

 

ความผิดสำหรับนักเจาะ


  1. พวกที่ชอบ เจาะระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่น ที่เขาอุตส่าห์สร้างระบบป้องกันไว้แต่ถ้าเข้าเว็บสาธารณะ ก็ย่อมไม่มีความผิด โทษสำหรับพวกชอบเจาะ จำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท
  2. แต่ถ้าเจาะเข้าไปถึงข้อมูลที่เก็บรักษาไว้ด้วย โทษจะเพิ่มเป็น 2 เท่า
  3. คนที่เผยรหัส (Password) ที่ตัวเองรู้มา สำหรับเพื่อใช้เข้าระบบคอมพิวเตอร์ มีโทษจำคุก 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท

ความผิดสำหรับนักล้วง


         พวกที่ชอบดักข้อมูลที่เป็นส่วนตัว ซึ่งส่งถึงกันทางอินเตอร์เน็ต ทาง e-mail มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท
 

ความผิดสำหรับพวกปล่อยไวรัส


  1. พวกทำลาย ข้อมูล หรือไปเปลี่ยนแปลงข้อมูลของคนอื่น ไม่ว่าด้วยวิธีใด จะใช้ไวรัส หรือแอบเข้าไปทำลายตรงๆ หรือพวกพนักงานที่ทำงานอยู่แล้วกำลังจะออก ไปทำลายข้อมูลเข้า มีโทษจำคุกไม่เกิน 5ปี ปรับไม่เกิน 10,000 บาท
  2. ถ้าทำลายระบบคอมพิวเตอร์ จะมีข้อมูลหรือไม่ก็ตาม มีโทษเท่ากัน
     
  3. “เมื่อมี กฎหมายฉบับนี้ มีผลบังคับใช้ น่าจะช่วยให้การก่ออาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ลดลงได้บ้าง แม้จะไม่ทั้งหมดก็ตาม คนที่ใช้คอมพิวเตอร์ ใช้อินเตอร์เน็ตโดยสุจริต คงไม่ต้องกังวล คงไม่ต้องกังวล ถ้าไม่คิดจะไปกลั่นแกล้งใคร”
  4. ถ้าการทำลายข้อมูลคนอื่น ทำให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน ประเภทคอมพิวเตอร์ควบคุมจราจร โทษสูงขึ้นเป็น จำคุก 10 ปี ปรับ 200,000 บาท
  5. และถ้ากระทบถึงความมั่นคงของประเทศ โทษจะสูงขึ้นเป็นจำคุก 3-15 ปี
  6. แต่ถ้าจนเป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย โทษจะหนักถึงจำคุก 10-20 ปี

ความผิดของพวกชอบก่อกวนหรืชอบแกล้งคนอื่น


  1. พวกที่ชอบส่ง เมลก่อกวนหรือโฆษณาขายสินค้าหรือขายบริการ ประเภทไปโผล่ป๊อปอัพ หรือพวกส่งเมลขยะโดยที่เขาไม่ต้องการ มีโทษปรับอย่างเดียวไม่เกิน 1000,000 บาท โทษฐานก่อความรำคาญ
  2. พวกที่ชอบส่ง เมล เป็นข้อมูลปลอมข้อมูลเท็จ ใส่ร้ายป้ายสีคนอื่น หรือพวกเจ้ากรมข่าวลือที่ชอบปล่อยข่าวให้เกิดความวุ่นวาย รวมถึงส่งภาพลามกอนาจารทั้งหลาย รวมถึงพวกผสมโรงที่ได้รับแล้วส่งต่อด้วย มีโทษเสมอกันคือ จำคุกไม่เกิน 5 ปีปรับไม่เกิน 100,000 บาท
  3. พวกที่ชอบใช้ ศิลปะเฉพาะตัว ตัดต่อภาพของคนอื่น แล้วนำเข้าเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ต ทำให้เจ้าของภาพเข้าเสียหาย อับอาย ต้องโทษาจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 600, 000 บาท แต่กฎหมายยกเว้นสำหรับผู้ที่ทำด้วยความสุจริต จะไม่เป็นความผิด ซึ่งผมยังนึกไม่ออกครับว่า ถ้าตัดต่อภาพเข้าแล้ว จะสุจริตได้อย่างไร คงเป็นกรณีตัดต่อให้ดูสวยกว่าตัวจริง ซึ่งก็รู้จะทำไปทำไม

ความผิดของผู้ให้บริการหรือเจ้าของเว็บ


          ผู้ให้บริการหรือเจ้าของเว็บ มีหน้าที่ต้องเก็บข้อมูลของผู้ใช้บริการอย่างน้อย 90 วัน เพื่อให้สามารถหาตัวผู้ใช้บริการ สำหรับให้ตรวจสอบได้ มิฉะนั้น ผู้ให้บริการหรือเจ้าของเว็บ จะต้องรับโทษเอง แต่เบาหน่อยคือปรับอย่างเดียวไม่เกิน 500,000 บาท

          การกระทำความผิดตามกฎหมายนี้ แม้จะทำนอกราชอาณาจักร ไม่ว่าคนไทยหรือคนต่างด้าวเป็นผู้ทำ ถ้าเกิดวามเสียหายไม่ว่าเป็นในประเทศหรือต่างประเทศ ก็ต้องยอมรับโทษตามกฎหมายนี้ด้วย

          ปัญหาที่ตามมาคือ การกระทำความผิด ในระบบคอมพิวเตอร์ทางอินเตอร์เน็ตอย่างนี้ จะจับได้อย่างไร เรื่องนี้ขอเตือนพวกลองดีทั้งหลายว่า อย่าประมาทเพราะกฎหมายให้อำนาจ เรียกข้อมูลจากผู้ให้บริการหรือเจ้าของเว็บทั้งหลาย รวมถึงมีอำนาจที่จะ รวมถึงอำนาจที่จะเข้าไปติดตาม ตรวจสอบ ก็อปปี้ ในระบบคอมพิวเตอร์ของใครก็ได้ ถ้ามีเหตุอันควรเชื่อถือได้ว่ามีการกระทำความผิด

          แต่การใช้อำนาจเจาะเข้าไปในระบบคอมพิวเตอร์ของคนอื่นโดยไม่มีความผิดตามกก หมายนี้นั้น จะต้องขอนุญาตต่อศาลเสียก่อน จะทำโดยพลการไม่ได้

          หากเจ้าหน้าที่เปิดเผยข้อมูลที่ใช้อำนาจ หน้าที่ไปเจาะข้อมูลเข้ามาโดยไม่มีอำนาจ เจ้าหน้าที่แหละจะต้องย้ายภูมิลำเนาเข้าไปอยู่ในคุก ด้วยอัตราโทษจำคุก ไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท

         และแม้ไม่ได้ตั้งใจเปิดเผย แต่ด้วยความประมาท ทำให้ข้อหลุดเข้าสู่ อินเตอร์เน็ต ก็ต้องรับโทษด้วย คือจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท

         เมื่อกฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้แล้ว น่าจะช่วยให้การก่ออาชญากรรมทางอินเตอร์เน็ตลดลงได้บ้าง แม้จะไม่ทั้งหมดก็ตาม คนที่เคยใช้คอมพิวเตอร์ ใช้อินเตอร์เน็ตด้วยความสุจริต คงไม่ต้องกังวล ถ้าไม่คิดจะกลั่นแกล้งหรือใส่ร้าย ป้ายสีใคร เพียงแต่จะรู้เรื่องของชาวบ้านน้อยลง เพราะทุกคนต้องทำตามกกหมาย e-mail ในระบบจะหายไปกว่าครึ่ง

         เพราะทุกวันนี้ จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-mail ที่ส่งกัน ส่วนใหญ่ เป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับการทำงาน แต่เป็นเรื่องชาวบ้านเป็นภาพวาวหวิวของน้องๆ ทั้งหลาย ซึ่งล้วนแต่เป็นเรื่องที่เข้าข่ายผิดกฎหมายฉบับนี้ทั้งนั้น

ความรู้เกี่ยวกับเซลล์แสงอาทิตย์

ความรู้เกี่ยวกับเซลล์แสงอาทิตย์

ความหมายของ Solar Cell หรือ PV
Solar Cell หรือ PV มีชื่อเรียกกันไปหลายอย่าง เช่น เซลล์แสงอาทิตย์ เซลล์สุริยะ หรือเซลล์ photovoltaic ซึ่งต่างก็มีที่มาจากคำว่า Photovoltaic โดยแยกออกเป็น photo หมายถึง แสง และ volt หมายถึง แรงดันไฟฟ้า เมื่อรวมคำแล้วหมายถึง กระบวนการผลิตไฟฟ้าจากการตกกระทบของแสงบนวัตถุที่มีความสามารถในการเปลี่ยน พลังงานแสงเป็นพลังงานไฟฟ้าได้โดยตรง แนวความคิดนี้ได้ถูกค้นพบมาตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1839 แต่เซลล์แสงอาทิตย์ก็ยังไม่ถูกสร้างขึ้นมา จนกระทั่งใน ปี ค.ศ. 1954 จึงมีการประดิษฐ์เซลล์แสงอาทิตย์ และได้ถูกนำไปใช้เป็นแหล่งจ่ายพลังงานให้กับดาวเทียมในอวกาศ เมื่อ ปี ค.ศ. 1959 ดังนั้น สรุปได้ว่า
เซลล์แสงอาทิตย์ คือ สิ่งประดิษฐ์ที่ทำจากสารกึ่งตัวนำ เช่น ซิลิคอน (Silicon), แกลเลี่ยม อาร์เซไนด์ (Gallium Arsenide), อินเดียม ฟอสไฟด์ (Indium Phosphide), แคดเมียม เทลเลอไรด์ (Cadmium Telluride) และคอปเปอร์ อินเดียม ไดเซเลไนด์ (Copper Indium Diselenide) เป็นต้น ซึ่งเมื่อได้รับแสงอาทิตย์โดยตรงก็จะเปลี่ยนเป็นพาหะนำไฟฟ้า และจะถูกแยกเป็นประจุไฟฟ้าบวกและลบเพื่อให้เกิดแรงดันไฟฟ้าที่ขั้วทั้งสองของเซลล์แสงอาทิตย์ เมื่อนำขั้วไฟฟ้าของเซลล์แสงอาทิตย์ต่อเข้ากับอุปกรณ์ไฟฟ้ากระแสตรง กระแสไฟฟ้าจะไหลเข้าสู่อุปกรณ์เหล่านั้น ทำให้สามารถทำงานได้

ชนิดของเซลล์แสงอาทิตย์
แบ่งตามวัสดุที่ใช้เป็น 3 ชนิดหลักๆ คือ
  1. เซลล์แสงอาทิตย์ที่ทำจากซิลิคอน ชนิดผลึกเดี่ยว (Single Crystalline Silicon Solar Cell) หรือที่รู้จักกันในชื่อ Monocrystalline Silicon Solar Cell และชนิดผลึกรวม (Polycrystalline Silicon Solar Cell) ลักษณะเป็นแผ่นซิลิคอนแข็งและบางมาก
  2. เซลล์แสงอาทิตย์ที่ทำจากอะมอร์ฟัสซิลิคอน (Amorphous Silicon Solar Cell) ลักษณะเป็นฟิล์มบางเพียง 0.5 ไมครอน (0.0005 มม.) น้ำหนักเบามาก และประสิทธิภาพเพียง 5-10%
  3. เซลล์แสงอาทิตย์ที่ทำจากสารกึ่งตัวนำอื่นๆ เช่น แกลเลี่ยม อาร์เซไนด์, แคดเมียม เทลเลอไรด์ และคอปเปอร์ อินเดียม ไดเซเลไนด์ เป็นต้น มีทั้งชนิดผลึกเดี่ยว (Single Crystalline) และผลึกรวม (Polycrystalline) เซลล์แสงอาทิตย์ที่ทำจากแกลเลี่ยม อาร์เซไนด์ จะให้ประสิทธิภาพสูงถึง 20-25%
โครงสร้างของเซลล์แสงอาทิตย์
โครงสร้างที่นิยมมากที่สุด ได้แก่ รอยต่อพีเอ็นของสารกึ่งตัวนำ สารกึ่งตัวนำที่ราคาถูกที่สุดและมีมากที่สุดบนโลก คือ ซิลิคอน จึงถูกนำมาสร้างเซลล์แสงอาทิตย์ โดยนำซิลิคอนมาถลุง และผ่านขั้นตอนการทำให้บริสุทธิ์ จนกระทั่งทำให้เป็นผลึก จากนั้นนำมาผ่านกระบวนการแพร่ซึมสารเจือปนเพื่อสร้างรอยต่อพีเอ็น โดยเมื่อเติมสารเจือฟอสฟอรัส จะเป็นสารกึ่งตัวนำชนิดเอ็น (เพราะนำไฟฟ้าด้วยอิเล็กตรอนซึ่งมีประจุลบ) และเมื่อเติมสารเจือโบรอน จะเป็นสารกึ่งตัวนำชนิดพี (เพราะนำไฟฟ้าด้วยโฮลซึ่งมีประจุบวก) ดังนั้น เมื่อนำสารกึ่งตัวนำชนิดพีและเอ็นมาต่อกัน จะเกิดรอยต่อพีเอ็นขึ้น โครงสร้างของเซลล์แสงอาทิตย์ชนิดซิลิคอน อาจมีรูปร่างเป็นแผ่นวงกลมหรือสี่เหลี่ยมจัตุรัส ความหนา 200-400 ไมครอน (0.2-0.4 มม.) ผิวด้านรับแสงจะมีชั้นแพร่ซึมที่มีการนำไฟฟ้า ขั้วไฟฟ้าด้านหน้าที่รับแสงจะมีลักษณะคล้ายก้างปลาเพื่อให้ได้พื้นที่รับแสงมากที่สุด ส่วนขั้วไฟฟ้าด้านหลังเป็นขั้วโลหะเต็มพื้นผิว
หลักการทำงานทั่วไปของเซลล์แสงอาทิตย์
เมื่อมีแสงอาทิตย์ตกกระทบเซลล์แสงอาทิตย์ จะเกิดการสร้างพาหะนำไฟฟ้าประจุลบและบวกขึ้น ได้แก่ อิเล็กตรอนและ โฮล โครงสร้างรอยต่อพีเอ็นจะทำหน้าที่สร้างสนามไฟฟ้าภายในเซลล์ เพื่อแยกพาหะนำไฟฟ้าชนิดอิเล็กตรอนไปที่ขั้วลบ และพาหะนำไฟฟ้าชนิดโฮลไปที่ขั้วบวก (ปกติที่ฐานจะใช้สารกึ่งตัวนำชนิดพี ขั้วไฟฟ้าด้านหลังจึงเป็นขั้วบวก ส่วนด้านรับแสงใช้สารกึ่งตัวนำชนิดเอ็น ขั้วไฟฟ้าจึงเป็นขั้วลบ) ทำให้เกิดแรงดันไฟฟ้าแบบกระแสตรงที่ขั้วไฟฟ้าทั้งสอง เมื่อต่อให้ครบวงจรไฟฟ้าจะเกิดกระแสไฟฟ้าไหลขึ้น
ตัวอย่าง
เซลล์แสงอาทิตย์ชนิดซิลิคอนที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 4 นิ้ว จะให้กระแสไฟฟ้าประมาณ 2-3 แอมแปร์ และให้แรงดันไฟฟ้าวงจรเปิดประมาณ 0.6 โวลต์ เนื่องจากกระแสไฟฟ้าที่ได้จากเซลล์แสงอาทิตย์ไม่มากนัก ดังนั้นเพื่อให้ได้กำลังไฟฟ้ามากเพียงพอสำหรับใช้งาน จึงมีการนำเซลล์แสงอาทิตย์หลายๆ เซลล์มาต่อกันเป็น เรียกว่า แผงเซลล์แสงอาทิตย์ (Solar Modules) ลักษณะการต่อแผงเซลล์แสงอาทิตย์ขึ้นอยู่ว่าต้องการกระแสไฟฟ้าหรือแรงดันไฟฟ้า
  • การต่อแผงเซลล์แสงอาทิตย์แบบขนาน จะทำให้ได้กระแสไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น
  • การต่อแผงเซลล์แสงอาทิตย์แบบอนุกรม จะทำให้ได้แรงดันไฟฟ้าสูงขึ้น
ขั้นตอนการผลิตเซลล์แสงอาทิตย์
  • เซลล์แสงอาทิตย์ที่ทำจากซิลิคอนชนิดผลึกเดี่ยว (Single Crystal) หรือ Monocrystalline มีขั้นตอนการผลิต ดังนี้
    1. นำซิลิคอนที่ถลุงได้มาหลอมเป็นของเหลวที่อุณหภูมิประมาณ 1400 °C แล้วดึงผลึกออกจากของเหลว โดยลดอุณหภูมิลงอย่างช้าๆ จนได้แท่งผลึกซิลิคอนเป็นของแข็ง แล้วนำมาตัดเป็นแว่นๆ
    2. นำผลึกซิลิคอนที่เป็นแว่น มาแพร่ซึมด้วยสารเจือปนต่างๆ เพื่อสร้างรอยต่อพีเอ็นภายในเตาแพร่ซึมที่มีอุณหภูมิประมาณ 900-1000 °C แล้วนำไปทำชั้นต้านการสะท้อนแสงด้วยเตาออกซิเดชั่นที่มีอุณหภูมิสูง
    3. ทำขั้วไฟฟ้าสองด้านด้วยการฉาบไอโลหะภายใต้สุญญากาศ เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วจะต้องนำไปทดสอบประสิทธิภาพด้วยแสงอาทิตย์เทียม และวัดหาคุณสมบัติทางไฟฟ้า

  • เซลล์แสงอาทิตย์ที่ทำจากซิลิคอนชนิดผลึกรวม (Polycrystalline) มีขั้นตอนการผลิต ดังนี้
    1. นำซิลิคอนที่ถลุงและหลอมละลายเป็นของเหลวแล้วมาเทลงในแบบพิมพ์ เมื่อซิลิคอนแข็งตัว จะได้เป็นแท่งซิลิคอนเป็นแบบผลึกรวม แล้วนำมาตัดเป็นแว่นๆ
    2. จากนั้นนำมาแพร่ซึมด้วยสารเจือปนต่างๆ และทำขั้วไฟฟ้าสองด้านด้วยวิธีการเช่นเดียวกับที่สร้างเซลล์แสงอาทิตย์ที่ทำ จากซิลิคอนชนิดผลึกเดี่ยว

  • เซลล์แสงอาทิตย์ที่ทำจากที่ทำจากอะมอร์ฟัสซิลิคอน มีขั้นตอนการผลิต ดังนี้
    1. ทำการแยกสลายก๊าซไซเลน (Silane Gas) ให้เป็นอะมอร์ฟัสซิลิคอน โดยใช้อุปกรณ์ที่เรียกว่า เครื่อง Plasma CVD (Chemical Vapor Deposition) เป็นการผ่านก๊าซไซเลนเข้าไปในครอบแก้วที่มีขั้วไฟฟ้าความถี่สูง จะทำให้ก๊าซแยกสลายเกิดเป็นพลาสมา และอะตอมของซิลิคอนจะตกลงบนฐานหรือสแตนเลสสตีลที่วางอยู่ในครอบแก้ว เกิดเป็นฟิล์มบางขนาดไม่เกิน 1 ไมครอน (0.001 มม.)
    2. ขณะที่แยกสลายก๊าซไซเลน จะผสมก๊าซฟอสฟีนและไดโบเรนเข้าไปเป็นสารเจือปน เพื่อสร้างรอยต่อพีเอ็นสำหรับใช้เป็นโครงสร้างของเซลล์แสงอาทิตย์
    3. การทำขั้วไฟฟ้า มักใช้ขั้วไฟฟ้าโปร่งแสงที่ทำจาก ITO (Indium Tin Oxide)

  • เซลล์แสงอาทิตย์ที่ทำจากแกลเลี่ยม อาร์เซไนด์ มีขั้นตอนการผลิต ดังนี้
    1. ขั้นตอนการปลูกชั้นผลึก ใช้เครื่องมือ คือ เตาปลูกชั้นผลึกจากสถานะของเหลว (LPE; Liquid Phase Epitaxy)
    2. ขั้นตอนการปลูกชั้นผลึกที่เป็นรอยต่อเอ็นพี ใช้เครื่องมือ คือ เครื่องปลูกชั้นผลึกด้วยลำโมเลกุล (MBE; Molecular Beam Epitaxy)
ลักษณะเด่นของเซลล์แสงอาทิตย์
  • ใช้พลังงานจากธรรมชาติ คือ แสงอาทิตย์ ซึ่งสะอาดและบริสุทธิ์ ไม่ก่อปฏิกิริยาที่จะทำให้สิ่งแวดล้อมเป็นพิษ
  • เป็นการนำพลังงานจากแหล่งธรรมชาติมาใช้อย่างคุ้มค่าและไม่มีวันหมดไปจากโลกนี้
  • สามารถนำไปใช้เพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้าได้ทุกพื้นที่บนโลก และได้พลังงานไฟฟ้าใช้โดยตรง
  • ไม่ต้องใช้เชื้อเพลิงอื่นใดนอกจากแสงอาทิตย์ รวมถึงไม่มีการเผาไหม้ จึงไม่ก่อให้เกิดมลภาวะด้านอากาศและน้ำ
  • ไม่เกิดของเสียขณะใช้งาน จึงไม่มีการปล่อยมลพิษทำลายสิ่งแวดล้อม
  • ไม่เกิดเสียงและไม่มีการเคลื่อนไหวขณะใช้งาน จึงไม่เกิดมลภาวะด้านเสียง
  • เป็นอุปกรณ์ที่ติดตั้งอยู่กับที่ และไม่มีชิ้นส่วนใดที่มีการเคลื่อนไหวขณะทำงาน จึงไม่เกิดการสึกหรอ
  • ต้องการการบำรุงรักษาน้อยมาก
  • อายุการใช้งานยืนยาวและประสิทธิภาพคงที่
  • มีน้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย เคลื่อนย้ายสะดวกและรวดเร็ว
  • เนื่องจากมีลักษณะเป็นโมดูล จึงสามารถประกอบได้ตามขนาดที่ต้องการ
  • ช่วยลดปัญหาการสะสมของก๊าซต่างๆ ในบรรยากาศ เช่น คาร์บอนมอนอกไซด์, ซัลเฟอร์ไดออกไซด์, ไฮโดรคาร์บอน และก๊าซไนโตรเจนออกไซด์ ฯลฯ ซึ่งเป็นผลจากการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงจำพวกน้ำมัน ถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติ ล้วนแล้วแต่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เกิดปฏิกิริยาเรือนกระจก ทำให้โลกร้อนขึ้น เกิดฝนกรด และอากาศเป็นพิษ ฯลฯ
อุปกรณ์สำคัญของระบบการผลิตกระแสไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์
เซลล์แสงอาทิตย์ผลิตไฟฟ้ากระแสตรง จึงนำกระแสไฟฟ้าไปใช้ได้เฉพาะกับอุปกรณ์ไฟฟ้ากระแสตรงเท่านั้น หากต้องการนำไปใช้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้ไฟฟ้ากระแสสลับหรือเก็บสะสมพลังงานไว้ใช้ต่อไป จะต้องใช้ร่วมกับอุปกรณ์อื่นๆ อีก โดยรวมเข้าเป็นระบบที่ผลิตกระแสไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ อุปกรณ์สำคัญๆ มีดังนี้
  1. แผงเซลล์แสงอาทิตย์ (Solar Module) ทำหน้าที่เปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์ให้เป็นพลังงานไฟฟ้า ซึ่งเป็นไฟฟ้ากระแสตรงและมีหน่วยเป็นวัตต์ (Watt) มีการนำแผงเซลล์แสงอาทิตย์หลายๆ เซลล์มาต่อกันเป็นแถวหรือเป็นชุด (Solar Array) เพื่อให้ได้พลังงานไฟฟ้าใช้งานตามที่ต้องการ โดยการต่อกันแบบอนุกรม จะเพิ่มแรงดันไฟฟ้า และการต่อกันแบบขนาน จะเพิ่มพลังงานไฟฟ้า หากสถานที่ตั้งทางภูมิศาสตร์แตกต่างกัน ก็จะมีผลให้ปริมาณของค่าเฉลี่ยพลังงานสูงสุดในหนึ่งวันไม่เท่ากันด้วย รวมถึงอุณหภูมิก็มีผลต่อการผลิตพลังงานไฟฟ้า หากอุณหภูมิสูงขึ้น การผลิตพลังงานไฟฟ้าจะลดลง

  2. เครื่องควบคุมการประจุ (Charge Controller) ทำหน้าที่ประจุกระแสไฟฟ้าที่ผลิตได้จากแผงเซลล์แสงอาทิตย์เข้าสู่แบตเตอรี่ และควบคุมการประจุกระแสไฟฟ้าให้มีปริมาณเหมาะสมกับแบตเตอรี่ เพื่อยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ รวมถึงการจ่ายกระแสไฟฟ้าออกจากแบตเตอรี่ด้วย ดังนั้น การทำงานของเครื่องควบคุมการประจุ คือ เมื่อประจุกระแสไฟฟ้าเข้าสู่แบตเตอรี่จนเต็มแล้ว จะหยุดหรือลดการประจุกระแสไฟฟ้า (และมักจะมีคุณสมบัติในการตัดการจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้า กรณีแรงดันของแบตเตอรี่ลดลงด้วย) ระบบพลังงานแสงอาทิตย์จะใช้เครื่องควบคุมการประจุกระแสไฟฟ้าในกรณีที่มีการ เก็บพลังงานไฟฟ้าไว้ในแบตเตอรี่เท่านั้น

  3. แบตเตอรี่ (Battery) ทำหน้าที่เป็นตัวเก็บพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตได้จากแผงเซลล์แสงอาทิตย์ไว้ใช้เวลาที่ต้องการ เช่น เวลาที่ไม่มีแสงอาทิตย์ เวลากลางคืน หรือนำไปประยุกต์ใช้งานอื่นๆ แบตเตอรี่มีหลายชนิดและหลายขนาดให้เลือกใช้งานตามความเหมาะสม

  4. เครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า (Inverter) ทำหน้าที่แปลงพลังงานไฟฟ้าจากกระแสตรง (DC) ที่ผลิตได้จากแผงเซลล์แสงอาทิตย์ ให้เป็นพลังงานไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) เพื่อให้สามารถใช้ได้กับอุปกรณ์ไฟฟ้ากระแสสลับ แบ่งเป็น 2 ชนิด คือ Sine Wave Inverter ใช้ได้กับอุปกรณ์ไฟฟ้ากระแสสลับทุกชนิด และ Modified Sine Wave Inverter ใช้ได้กับอุปกรณ์ไฟฟ้ากระแสสลับที่ไม่มีส่วนประกอบของมอเตอร์และหลอดฟลูออเรสเซนต์ที่เป็น Electronic ballast

  5. ระบบป้องกันฟ้าผ่า (Lightning Protection) ทำหน้าที่ป้องกันความเสียหายที่เกิดกับอุปกรณ์ไฟฟ้าเมื่อฟ้าผ่า หรือเกิดการเหนี่ยวนำทำให้ความต่างศักย์สูง ในระบบทั่วไปมักไม่ใช้อุปกรณ์นี้ จะใช้สำหรับระบบขนาดใหญ่และมีความสำคัญเท่านั้น รวมถึงต้องมีระบบสายดินที่มีประสิทธิภาพด้วย
การประยุกต์ใช้งานเซลล์แสงอาทิตย์ในด้านต่างๆ
การนำพลังงานแสงอาทิตย์ซึ่งเป็นพลังงานจากธรรมชาติมาทดแทนพลังงานรูปแบบอื่นๆ ได้รับความสนใจและเป็นที่นิยมมากขึ้น สามารถนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างมากมายในการดำรงชีวิต รวมถึงไม่เป็นการทำลายสิ่งแวดล้อม เช่น
บ้านพักอาศัย ระบบแสงสว่างภายในบ้าน, ระบบแสงสว่างนอกบ้าน (ไฟสนาม, ไฟโรงจอดรถ และโคมไฟรั้วบ้าน ฯลฯ), อุปกรณ์ไฟฟ้าชนิดต่างๆ , ระบบเปิด-ปิดประตูบ้าน, ระบบรักษาความปลอดภัย, ระบบระบายอากาศ, เครื่องสูบน้ำ, เครื่องกรองน้ำ และไฟสำรองยามฉุกเฉิน ฯลฯ
ระบบสูบน้ำ อุปโภค, สาธารณูปโภค, ฟาร์มเลี้ยงสัตว์, เพาะปลูก, ทำสวน-ไร่, เหมืองแร่ และชลประทาน ฯลฯ
ระบบแสงสว่าง โคมไฟป้ายรถเมล์, ตู้โทรศัพท์, ป้ายประกาศ, สถานที่จอดรถ, แสงสว่างภายนอกอาคาร และไฟถนนสาธารณะ ฯลฯ
ระบบประจุแบตเตอรี่ ไฟสำรองไว้ใช้ยามฉุกเฉิน, ศูนย์ประจุแบตเตอรี่ประจำหมู่บ้านในชนบทที่ไม่มีไฟฟ้าใช้, แหล่งจ่ายไฟสำหรับใช้ในครัวเรือนและระบบแสงสว่างในพื้นที่ห่างไกล ฯลฯ
ทำการเกษตร ระบบสูบน้ำ, พัดลมอบผลผลิตทางการเกษตร และเครื่องนวดข้าว ฯลฯ
เลี้ยงสัตว์ ระบบสูบน้ำ, ระบบเติมออกซิเจนในบ่อน้ำ (บ่อกุ้งและบ่อปลา) และแสงไฟดักจับแมลง ฯลฯ
อนามัย ตู้เย็น/กล่องทำความเย็นเพื่อเก็บยาและวัคซีน, อุปกรณ์ไฟฟ้าทางการแพทย์ สำหรับหน่วยอนามัย, หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ และสถานีอนามัย ฯลฯ
คมนาคม สัญญาณเตือนทางอากาศ, ไฟนำร่องทางขึ้น-ลงเครื่องบิน, ไฟประภาคาร, ไฟนำร่องเดินเรือ, ไฟสัญญาณข้ามถนน, สัญญาณจราจร, โคมไฟถนน และโทรศัพท์ฉุกเฉิน ฯลฯ
สื่อสาร สถานีทวนสัญญาณไมโครเวฟ, อุปกรณ์โทรคมนาคม, อุปกรณ์สื่อสารแบบพกพา (เช่น วิทยุสนามของหน่วยงานบริการและทหาร) และสถานีตรวจสอบอากาศ ฯลฯ
บันเทิงและพักผ่อนหย่อนใจ แหล่งจ่ายไฟฟ้าสำหรับบ้านพักตากอากาศในพื้นที่ห่างไกล, ระบบประจุแบตเตอรี่แบบพกพาติดตัวไปได้ และอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ให้ความบันเทิง ฯลฯ
พื้นที่ห่างไกล ภูเขา, เกาะ, ป่าลึก และพื้นที่สายส่งการไฟฟ้าเข้าไม่ถึง ฯลฯ
อวกาศ ดาวเทียม

ประโยชน์ของพืช GMOs

ประโยชน์ของพืช GMOs

ข้อดี หรือ ประโยชน์ ของ GMOs (Advantages of GMOs)


มะเขือเทศ GMOs
ประโยชน์ทางด้านการเกษตร
- ทำให้เกิดพืชที่ให้ผลผลิตมากขึ้น ตัวอย่างเช่น ผลมีขนาดใหญ่ขึ้น (เช่น มะเขือเทศมีผลขนาดใหญ่ขึ้น), ผลมีปริมาณมากขึ้น (เช่น ปริมาณเมล็ดข้าวต่อต้นมากขึ้น), ผลมีน้ำหนักมากขึ้น (เช่น มะละกอที่มีน้ำหนักมากกว่ามะละกอปกติทั่วไป)
- ทำให้เกิดพืชที่มีความทนทานต่อสภาพแวดล้อม โดย ทนต่อสภาพดินฟ้าอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูกหรือเจริญเติบโตของพืช ตัวอย่างเช่น พืชที่ทนแล้ง (เช่น ข้าวทนแล้ง), พืชที่ทนต่อดินเค็ม (เช่น ข้าวทนดินเค็ม), พืชที่ทนต่อดินเปรี้ยว เป็นต้น
- ทำให้เกิดพืชที่ทนต่อศัตรูพืช เช่น พืชที่ทนต่อเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคพืช พืชที่ทนต่อเชื้อราที่ก่อให้เกิดโรคพืช พืชที่ทนต่อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรคพืช ทนต่อแมลงศัตรูพืช หรือแม้แต่ทนต่อยาฆ่าแมลง และทนต่อยาปราบวัชพืช
- เมื่อทำให้พืชลดการใช้สารเคมี พิษจากสารเคมีที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อเกษตรกรก็ลดลง
- ทำให้เกิดพืชที่มีผลผลิตที่สามารถเก็บรักษาเป็นเวลานาน และอยู่ได้นาน ทำให้ขั้นตอนในการขนส่งสามารถขนส่งในระยะไกลโดยไม่เน่าหรือเสีย เช่น มะเขือเทศที่ถูกทำให้สุกช้า หรือถึงแม้จะสุกแต่ก็ไม่งอม เนื้อยังแข็งและกรอบ ไม่เละเมื่อไปถึงมือผู้บริโภค

ประโยชน์ด้านการพาณิชย์
ประโยชน์ต่อผู้บริโภค
- ทำให้เกิด พืช ผัก ผลไม้ มีคุณค่าทางโภชนาการเพิ่มมากขึ้น เช่น ทำให้มะเขือเทศมีวิตามินอีมากขึ้น ทำให้ส้มหรือมะนาวที่มีวิตามินซีเพิ่มมากขึ้น ทำให้กล้วยมีวิตามินเอเพิ่มขึ้น เป็นต้น
- ทำให้ลดการขาดแคลนอาหารได้ เนื่องจากการปรับปรุงพันธุ์ให้มีผลผลิตและความต้านทานต่างๆมากขึ้น ทำให้มีผลผลิตที่เพิ่มมากขึ้น ตอบสนองต่อความต้องอาหารที่เพิ่มมากขึ้น
- ลดขั้นตอนและระยะเวลาของการผสมพันธุ์พืช ซึ่งหากช่วงชีวิตของพืชที่ต้องการปรับปรุงพันธุ์ด้วยวิธีเดิมยาวนานกว่าจะ ได้ผล และต้องทำการคัดเลือกพันธุ์อยู่หลายครั้ง การทำ GMOsทำให้ขั้นตอนนี้เร็วและแม่นยำยิ่งขึ้นกว่าเดิมมาก
- ทำให้เกิดพืชพันธุ์ใหม่ๆ ที่มีประโยชน์ในการพาณิชย์ เช่น ดอกไม้หรือพวกไม้ประดับที่มีรูปร่างแปลกกว่าเดิม มีขนาดใหญ่กว่าเดิม สีสันแปลกไปจากเดิม (เช่น กุหลาบสีน้ำเงิน) หรือมีความคงทนกว่าเดิม
ประโยชน์ต่อด้านการอุตสาหกรรม
- หากทำพืช GMOs ให้ สามารถลดการใช้สารเคมี และช่วยให้มีผลผลิตมากขึ้นกว่าเดิม  ทำให้ต้นทุนการผลิตลดต่ำลงและเวลาที่ใช้ก็ลดลงด้วย วัตถุดิบที่ได้มาจากภาคการเกษตร เช่น ซังข้าวโพด แกลบ กากถั่วเหลือง อาหารสัตว์ จึงมีราคาถูกลง
- มี GMOs หลาย ชนิดที่ไม่ใช่พืช ที่ใช้กันอยู่ในอุตสาหกรรมอาหาร เช่น เอนไซม์ที่ใช้ในการผลิตน้ำผักผลไม้ หรือ เอนไซม์ ไคโมซิน (Chymosin) ที่ใช้ในการผลิตเนยแข็งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จาก GMOs และทำมาเป็นเวลานานแล้ว ทำให้ลดทั้งต้นทุนการผลิตและเวลาที่ต้องใช้ลง
ประโยชน์ต่อด้านการแพทย์
- การผลิตวัคซีน หรือยาชนิดต่างๆ ในอุตสาหกรรมยาปัจจุบันนี้ล้วนแล้วแต่ใช้ GMOs ช่วยแทบทั้งสิ้น อีกไม่นานนี้ เราอาจมีน้ำนมวัวที่มีส่วนประกอบของฮอร์โมนหรือตัวยาที่จำเป็นต่อมนุษย์
- ช่วยลดการขาดแคลนยาหรือวัคซีนได้มากขึ้น เพราะ GMOs สามารถช่วยเพิ่มการผลิตสิ่งเหล่านี้ให้เพิ่มขึ้นได้
ประโยชน์ต่อด้านสิ่งแวดล้อม
- หากทำพืช GMOs ให้ สามารถป้องกันศัตรูพืชได้เอง จำนวนการใช้สารเคมีชนิดต่างๆเพื่อการปราบศัตรูพืชก็จะลดน้อยลงจนอาจถึงไม่ ต้องใช้เลยก็ได้ ทำให้มลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากสารเคมีลดลง
- ก่อให้เกิดความหลากหลายทางชีวภาพมากขึ้น เนื่องจากยีนที่มีการแสดงออกที่มีประโยชน์ถูกเลือกให้รับโอกาสในการแสดงออก ในสิ่งมีชีวิตหลากหลายชนิดมากขึ้น

ประวัติของ Bill Gate และผลงาน

ประวัติของ Bill Gate และผลงาน


ประวัติ บิลล์ เกตส์ [ ผู้ก่อตั้ง บริษัทไมโครซอฟท์ ] 9 h) k" z- U- E& a, \7 }* \; i* B

วิลเลียม เฮนรี เกตส์ ที่สาม (เกิด 28 ตุลาคม ค.ศ. 1955) หรือที่มักเป็นที่รู้จักในชื่อ บิลล์ เกตส์5 y* o* M  d' I* a' t  R
เป็นนักธุรกิจชาวอเมริกัน และหนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์ เขากับผู้บุกเบิกด้านคอมพิวเตอร์; |: q! ~$ _0 \: D. A* H* C2 Q
ส่วนบุคคลคนอื่น ๆ ได้ร่วมกันเขียนต้นแบบของภาษาอัลแตร์เบสิก ซึ่งเป็นอินเตอร์เพรเตอร์สำหรับ
เครื่องอัลแตร์ 8800 (เค่รื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลในยุคแรกๆ) เขาได้ร่วมกับ นายพอล อัลเลน
ก่อตั้งไมโครซอฟท์ คอร์ปอเรชันขึ้น ซึ่งในขณะนี้เขาดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการบริหาร ' g+ s* D; ^' V* t
และหัวหน้าสถาปนิกซอฟต์แวร์ นิตยสารฟอบส์ได้จัดอันดับให้ บิลล์ เกตส์ เป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุด  E  k/ L2 J4 b
ในโลกหลายปีติดต่อกัน7 C6 ]1 [% z( M* @" g2 Y
* r- P5 ?$ U* s) Z6 E0 d; F
วิลเลียม เฮนรี เกตส์ ที่สามได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการอัศวินแห่งจักรวรรดิบริเตน (KBE) 
จากสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 2

' c) x; ^4 c: i" L8 e

ประวัติ! y9 _7 v. p. t9 ~' c
% b0 X7 f; }- u, x: z& y  o& Y
บิลล์ เกตส์ เกิดที่เมืองซีแอทเทิล มลรัฐวอชิงตัน เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม ค.ศ. 1955 บิดาชื่อนายวิลเลียม เอ็ช เกตส์ จูเนียร์ 
มีอาชีพนักกฎหมายของบริษัท มารดาชื่อแมรี แมกซ์เวล เกตส์ เป็นสมาชิกคณะกรรมการของ Berkshire Hathaway, 
First Interstate Bank, Pacific Northwest Bell และคณะกรรมการแห่งชาติของ United Way ชื่อเต็มของเขาคือ) h  ]1 A9 p. u6 l
วิลเลียม เฮนรี เกตส์ ที่สาม ปู่ของเขาคือ วิลเลียม เฮนรี เกตส์ ซีเนียร์: Z0 H+ f' r1 L6 W  K* \$ k

บิลล์ เกตส์เข้าศึกษาที่โรงเรียนเลคไซด์ อันเป็นโรงเรียนมัธยมที่ดีที่สุดในเมืองซีแอทเทิล ที่นั่นเองที่เขาได้พัฒนาทักษะ6 W9 c: c! G' R' O( q! Y
ในการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์กับเครื่องมินิคอมพิวเตอร์ของโรงเรียน เพื่อให้ได้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพ
ดีกว่าเดิม บิลล์ เกตส์ กับ พอล อัลเลน เพื่อนสนิท ได้แอบย่องเข้าไปในห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยวอชิงตัน. _6 D  l& U# o, N4 }+ m
ทั้งคู่ถูกจับได้แต่ก็ได้เจรจาตกลงกับเจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการ เพื่อช่วยจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์ให้กับนักเรียนได้ใช้ฟรี ต่อมา8 `. E/ S' k* A5 ?& v+ O/ G; x
บิลล์ เกตส์ได้เข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด แต่ต้องพักการเรียนไปโดยไม่จบการศึกษา เพื่อที่จะได้เริ่มประกอบอาชีพ+ {& m( P* T; ?3 P1 Q( E2 _' W- E
ทางด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์ ในระหว่างที่กำลังศึกษาอยู่ที่ฮาร์วาร์ด เขามีโอกาสได้ทำความรู้จักกับสตีฟ บาลเมอร์ หนึ่ง
ในผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์ ทั้งคู่เป็นเพื่อนร่วมห้องในหอพักระหว่างที่เป็นนักศึกษาปี 18 V' I) L; }% s6 n+ A$ M3 u3 R( N. h9 l, d
* I- L. p6 p# x6 e( j( D
ขณะที่ยังเป็นนักศึกษาอยู่ที่ฮาร์วาร์ด เขาได้ร่วมกับ พอล อัลเลน เขียนต้นแบบ ภาษาอัลแตร์เบสิก ซึ่งเป็น
โปรแกรมอินเตอร์เพรเตอร์สำหรับเครื่องอัลแตร์ 8800 (เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลรุ่นแรกที่ประสบ1 S& @1 k( `2 N& q% {0 f4 |, ?; E
ความสำเร็จทางการค้าในกลางคริสตทศวรรษที่ 70) ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากภาษาเบสิก ซึ่งเป็น
ภาษาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่เรียนรู้ได้ง่าย ถูกพัฒนาขึ้นครั้งแรกโดยดาร์ทเมาท์คอลเลจ เพื่อใช้ในการเรียนการสอน
& T/ B2 \2 ?1 h' }
เกตส์สมรสกับ เมลินดา เฟร้นช์ เมื่อวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1994 ทั้งคู่มีบุตรด้วยกันสามคน เจนนิเฟอร์ แคทารีน เกตส์ 
(เกิดเมื่อวันที่ 26 เมษายน ค.ศ. 1996) โรรี จอห์น เกตส์ (เกิดเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม ค.ศ. 1999) และ ฟีบี อาเดล เกตส์ , ~5 ?1 b" Q5 {* N, x1 {( X
(เกิดเมื่อวันที่ 14 กันยายน ค.ศ. 2002)( g+ a. v# B: ]( N7 S. A
9 `9 a. _% P$ s9 M$ Q3 i$ K0 w
ในปี ค.ศ. 1994 บิลล์ เกตส์ได้ม้วนกระดาษไลเชสเตอร์ ซึ่งรวบรวมงานเขียนของเลโอนาร์โด ดา วินชีมาไว้ในครอบครอง
และในปี ค.ศ. 2003 ได้นำม้วนกระดาษนี้ออกแสดงที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งเมืองซีแอทเทิล

ในปี ค.ศ. 1997 เกตส์ได้ตกเป็นเหยื่อของแผนการขู่กรรโชกทรัพย์อันแปลกประหลาด ของนายอดัม ควินน์ เพลตเชอร์ 8 R1 z  @$ _0 R' _
ชาวเมืองชิคาโก ซึ่งเกตส์ก็ได้ขึ้นให้การต่อศาลในการพิจารณาคดีดังกล่าว เพลตเชอร์ถูกตัดสินลงโทษเมื่อเดือนกรกฎาคม
ค.ศ. 1998 และถูกจำคุกเป็นเวลา 6 ปี ต่อมาในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1998 เกตส์ถูกนายโนเอล โกดังจู่โจมด้วยการ
ปาขนมพายหน้าครีมใส่ ระหว่างการไปปรากฏตัวที่ประเทศเบลเยียม) c: }% y0 a7 I4 v/ S
' C: m5 ~, I7 t1 V: U
เกียรติประวัติ
6 d; v; i4 S3 B" i7 a" C$ e( m& i
- ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จาก มหาวิทยาลัยวาเซดะ ค.ศ. 2005 
- รางวัลเกียรติยศผู้บัญชาการอัศวินแห่งจักรวรรดิบริเตน จากสหราชอาณาจักร ตามประกาศเมื่อปี ค.ศ. 2005 [1] 8 V5 e% k* B  d' ~2 N9 L1 S
- ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากสถาบันเทคโนโลยีหลวง (Roytal Institute of Technology) - กรุงสต็อกโฮล์ม 
ประเทศสวีเดน ค.ศ. 2002 # R! p7 U3 Y1 N7 o
- ติดหนึ่งใน 100 อันดับบุคคลสำคัญผู้มีอิทธิพลต่อประชาชนในสื่อต่าง ๆ จากการจัดอันดับของ หนังสือพิมพ์ เดอะ การ์เดียน ค.ศ. 2001 $ y; |9 O3 [" l; q/ l$ l$ ?1 @* l- u
- ติดอันดับบุคคลผู้มีอำนาจ, นิตยสารซันเดย์ ไทม ค.ศ. 1999 & G) a. a9 K  m% q1 ^  V. g, J. p
- อันดับ 2 ในการจัดอันดับ 100 ดาวรุ่ง, นิตยสารอัพไซด์ ค.ศ. 1999 
- อันดับ 1 ในการจัดอันดับ 50 ดาวรุ่งในโลกไซเบอร์, นิตยสารไทม ค.ศ. 1998 9 w3 y- t( \+ W  p% l
- อันดับที่ 28 ใน 100 อันดับบุคคลสำคัญผู้มีอิทธิพลในวงการกีฬา, นิตยสารสปอร์ตติง นิวส์ ค.ศ. 1997 
- ผู้บริหารระดับสูงแห่งปี, นิตยสารชีฟ เอกเซกคูทีฟ ออฟฟิซเซอร์ ค.ศ. 1994 : ?/ I  I* e/ f( M# ~
- นักกีฏวิทยา ได้ตั้งชื่อแมลงวันตอมดอกไม้พันธุ์หนึ่งว่า Eristalis gatesi ตามชื่อของบิลล์ เกตส์ เพื่อเป็นเกียรติแก่เขา
9 ~. f" \" H( `# I. ^



ประมาณการทรัพย์สินของเกตส์

บิลล์ เกตส์ ติดอันดับหนึ่ง จากการจัดอันดับ "ฟอร์บ 400" ระหว่างปี ค.ศ. 1993-2005 และติดอันดับหนึ่งในการจัดอันดับ/ \  `% \5 j1 D9 u$ a  K* w6 l
มหาเศรษฐีโลกของนิตยสารฟอร์บ ในปี ค.ศ. 1996 และระหว่างปี ค.ศ. 1998-2005 ซึ่งจากการจัดอันดับดังกล่าว สรุปได้ว่า) w' f3 ~7 r: D* {1 o& C2 L
ทรัพย์สินสุทธิของเขามีมูลค่าดังต่อไปนี้:
6 \% A! w- O( N  D
- ค.ศ. 1996 - 18.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อันดับ 1 ของโลก 
- ค.ศ. 1997 - 36.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อันดับ 2 ของโลก 
- ค.ศ. 1998 - 51.0 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อันดับ 1 ของโลก 
- ค.ศ. 1999 - 90.0 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อันดับ 1 ของโลก # u) z  b4 n' ?( R  T7 g
- ค.ศ. 2000 - 60.0 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อันดับ 1 ของโลก ) J9 n  v* F4 Q2 M2 @7 D
- ค.ศ. 2001 - 58.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อันดับ 1 ของโลก 
- ค.ศ. 2002 - 52.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อันดับ 1 ของโลก 5 b: M' Y' a, u: I# ~
- ค.ศ. 2003 - 40.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อันดับ 1 ของโลก 
- ค.ศ. 2004 - 46.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อันดับ 1 ของโลก 3 \& w3 `+ E4 L# Y% [" l
- ค.ศ. 2005 - 46.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อันดับ 1 ของโลก & Z1 T+ j+ q4 ^' x9 j
- ค.ศ. 2006 - 46.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อันดับ 1 ของโลก ) _) S; \2 d$ C' q0 M& M6 d( f
) n& S! L) c8 z& P5 H& [
การที่ทรัพย์สินสุทธิของเกตส์ มีมูลค่าลดลงตั้งแต่ปี ค.ศ. 2000 เป็นต้นมา " F4 {' E5 Y/ P  K3 r( ~
มีสาเหตุมาจากการที่หุ้นของไมโครซอฟท์มีราคาลดลง รวมถึงการที่เขาได้บริจาค
เงินหลายพันล้านดอลลาร์ให้องค์กรการกุศลของเขา และแม้เขาจะมีรายได้ลดลง 
ตามรายงานของนิตยสารฟอร์บในปีค.ศ. 2004 เกตส์ยังได้บริจาคเงินรวมกว่า 28,000 , U( E3 a1 k6 v
ล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับองค์กรการกุศลในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา4 U1 [& I8 n  V* F$ h& k5 |
" d4 y. `  G6 s- l: \
เขาได้กลายเป็นบุคคลที่มั่งคั่งที่สุดในโลกไปเสียแล้ว แม้จะนับเอาประมุขของรัฐ 
(ผู้ซึ่งทรัพย์สินมาจากสถานะทางสังคม) ไว้ในการจัดอันดับด้วยก็ตาม 9 p, S2 b$ `: J# G  p
(แม้ว่าการจัดอันดับตามมาตรฐานของนิตยสารฟอร์บนั้น จะไม่รวมเอาประมุขของ0 e6 V- ^  B0 F, m3 ^1 z
รัฐเอาไว้ด้วย ฟอร์บได้จัดทำบัญชีประมาณการทรัพย์สินของประมุขแต่ละประเทศไว้ต่างหาก 
เมื่อนำรายชื่อจากการจัดอันดับทั้งสองแบบมารวมกันแล้ว พบว่าเกตส์เป็นบุคคลที่มั่งคั่งที่สุดในโลก)


ข้อมูลอ้างอิง : http://th.wikipedia.org/

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++  I- t& ^$ B1 ~
6 \: E- r$ y8 b/ d" f' N
" Bill Gate เรียนไม่จบ จริง แต่คนจบปริญญาเป็นหมื่นเป็นลูกจ้างเขา เริ่มเขียนโปรแกรมตอนอายุ 13 4 C, `/ y7 F. U4 A6 c7 @
และเมื่อเขียน MS Windows ได้ขณะข้ามพรมแดนจาก canada จนท ศุลกากรถามว่า มีทรัพย์สินเท่าไร 4 U* O/ P- u( H' X
Gate ที่ถือแผ่นดิส 5 นิ้ว 720 kb มาเป็นปึกก็บอกว่า นี่มีค่า 50 ล้านเหรียญ จนท คิดว่าคุยกะคนเพี้ยนเลย$ o- D3 d. k$ z' j. h( f2 l/ c9 V
ปล่อยไปโดยไม่คิดตังค์แม้แต่แดงเดียว เมื่อร่วมงานกะ paul allen จนตั้ง microsoft ~เซ็นเซอร์~ส่วนหุ้นคือ) V5 ?, N# ^( B, T! n. {
60 / 40 = gates / allen แต่ allen ไม่ชอบนั่งบริหาร ชอบคอมพ์มากเลยขายหุ้นที่ตนทีอยู่ทั้งหมด
และให้เกตบริหารแทน (ผมอ่าน The Road Ahead กะ Business @ speed of thought by Bill Gates )ไปแล้ว 3 m! I. y8 |4 L
สักวันจะมีคนไทยคนนึงเป็นแบบเขาให้ได้ "+ z5 `! w4 o! x4 c$ Q1 p

ที่มา : 
บิล เกตส์ (Bill Gates), เจ้าของไมโครซอฟท์ * @/ j, g/ c# x0 d; v# F; s% e
http://www.vcharkarn.com/include/vcafe/

; l: b# ^5 Z8 h$ A



) n: m- |! v3 S/ [/ v/ R
รูปภาพบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ ของ Bill gates (แถม)

เขียน เรื่องบ้านที่แพงที่สุดในโลกไป แต่มีเรื่องค้างคาใจผู้อ่าน เพราะรายชื่อบ้านที่แพงที่สุดในโลกนั้น ไม่มีชื่อของ Bill Gates คนรวยที่สุดในโลก เป็นเจ้าของ ตอนนี้เลยต้องพามาชม บ้านของอภิมหาอัครโคตะระเศรษฐี ดูบ้าง เพื่อให้หายข้องใจ เพราะว่าใคร ก็คงอยากจะรู้ว่าคนที่รวยที่สุดในโลก เขาอยู่อย่างไร

1 Q: Z! \3 n7 l7 p+ a0 R
) x6 M7 L; L( w% s


  v( M+ ^1 n! D



คน ที่เห็นภาพบ้านหลังนี้แล้ว อาจจะแปลกใจ หรือผิดความคาดหมาย ที่บ้านของ Bill Gates ไม่ได้หรูหรา ฟู่ฟ่า อย่างที่คิด ถึงแม้ขนาดมันจะใหญ่โต ไม่แพ้บ้านหลังอื่นๆเลยก็ตาม 4 G! a- T( n5 m
2 s8 U9 T  E2 ]

3 f6 i* b0 N- i4 L% M% S1 }+ }
  V! z/ d# }  B1 {
- _. x! J' w5 @% a5 G( a
7 ?2 f! }( I$ n
$ j" w5 z1 B( t" V6 C6 ~: ]/ S5 i3 E
บ้าน หลังนี้มีขนาดพื้นที่ประมาณ 6,600 ตารางเมตร ตั้งอยู่ในย่าน Medina ริมทะเลสาบวอชิงตัน ที่ดูเหมือนบ้านไม่ใหญ่โตนัก เพราะแยกสร้างเป็นอาคารเล็กๆ หลายๆหลังต่อเชื่อมกัน ห้อมล้อมด้วยต้นไม้ใหญ่น้อยจำนวนมาก (แต่ถ้าดูภาพขณะก่อสร้าง ก็จะเห็นความใหญ่โตของมัน ซ่อนอยู่ข้างใต้อีกที) มูลค่าของตัวบ้าน(ราคาเมื่อ 6 ปีที่แล้ว) ประมาณ 113 ล้านดอลล์ หรือ 3,700 ล้านบาท เฉลี่ยตารางเมตรละ 5 แสนกว่าบาททีเดียว ซึ่งถ้าดูจากตัวเลขแล้ว บ้านของ Bill Gates ก็น่าจะติดอันดับความแพงกับเขาเช่นกัน 1 q/ }; p$ j" a' j: o6 }
9 h. T0 k3 I9 l2 q

ผิด กับบ้านของนายมูเกซ คนรวยอันดับ 4 ที่สร้างบ้านใหญ่อันดับ 1 แต่โดนวิจารณ์ไปในทางลบด้วยรูปแบบที่ไม่เหมาะสม บ้านของ Bill Gates กลับออกแบบด้วยหลัก ecology house โดยให้ความสำคัญกับเรื่องสภาพแวดล้อม และการใช้วัสดุธรรมชาติ เป็นวัสดุก่อสร้างส่วนใหญ่ เพราะ Gates ต้องการใช้บ้านหลังนี้เป็นเหมือนบ้านพักตากอากาศ จึงได้ออกแบบบ้านในแนว .Pacific lodge ที่มีรูปแบบทาง modern contemporary โดยมี โดย James Cutler เป็นสถาปนิก และใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 7 ปีด้วยความสลับซับซัอนของงานระบบ และความพิถีพิถันของงานตกแต่งภายใน 
. l# r; p( G. C9 r* u! I4 i% X

5 Q6 a- T# T  R: @$ v

อย่าง ไรก็ดี ผมว่าบ้านหลังนี้ก็ไม่เข้าหลักรักษาธรรมชาติเท่าใดนัก เพราะใช้มันมากเกินไป อย่างเช่นใช้เสาไม้ต้นสูงกว่า 70 ฟุต ไม้หลายชนิดสั่งพิเศษมาจากทั่วโลก แต่ก็ยังดีที่เขายังอนุรักษ์ต้นเมเปิลเก่าในที่ดิน อายุกว่า 40 ปีไว้อย่างดี ด้วยระบบตรวจสอบอิเลคโทรนิค ตลอด 24 ชั่วโมง ควบคุมระบบการรดน้ำด้วยคอมพิวเตอร์ 5 M! C' K/ v; c( H2 i0 L# r4 m


การ สร้างบ้านหลังนี้ จึงเป็นการสร้างบ้านกึ่งธรรมชาติ คือแนวทางน่าจะเป็นเรื่องธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม แต่ในทางปฏิบัติ หรือรายละเอียดกลับเป็นการสร้างอย่างคนรวย บ้านจึงเป็นแค่ ecology แต่ไม่ sustainable ด้วยเครื่องมือสุดยอดไฮเทคทั้งหลาย แกนำมาใช้หมด แต่ผมก็ถือว่า Bill Gates เป็นคนที่มีสำนึกทางสิ่งแวดล้อมดีคนหนึ่ง และยังใจบุญอีกด้วย มีเงินบริจาคให้การกุศลปีหนึ่งๆโขอยู่ 6 A: v0 U  f% O


 q

( @( Y' W" {; W6 u


2เมื่อดูจากวัสดุก่อสร้างต่างๆ เราจะเห็นว่าทำไมมันถึงแพงได้ปานนั้น 
* โครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก เขาออกแบบให้แข็งแรงกว่ามาตรฐานขั้นต่ำ ถึง 4 เท่า เหล็กเสริมจึงมากกว่าบ้านธรรมดา 2-3 เท่า 
* โครงหลังคาเป็น stainless steel ทั้งหมดรวมทั้งตะปูและน๊อต 
* ระบบรักษาความปลอดภัย ได้ซ่อนกล้องวงจรปิดไว้ทั่วบ้าน แม้กระทั่งในผนังหิน และพื้นก็ติดตั้งตัว Sensors ไว้ถี่ยิบ สามารถจับความเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตได้หมด และระบุได้ถึงขนาดว่าใครเป็นใครด้วยน้ำหนักที่เหยียบลงบนพื้น จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่สายไฟของระบบต่างๆทั่วทั้งบ้าน จะมีความยาวรวมกว่า 52 ไมล์ ( U/ e, o9 L0 q
* พื้นทั้งหมด ติดตั้งระบบทำความร้อนไว้ทั่ว" h" Y* e/ T/ v- v
* ระบบเสียง เขาซ่อนลำโพงไว้ในผนังทั่วทั้งบ้าน ไม่ว่าจะเดินไปที่ไหน ก็จะฟังเพลงได้ต่อเนื่อง แม้กระทั่งกำลังแหวกง่ายอยู่ก้นสระว่ายน้ำ 
* บันใดใหญ่ ขนาด ยาว 27 เมตร กว้าง18 เมตร 84 ขั้น 7 T1 q& B8 D+ N7 M+ v0 S
* หาดทรายก็ไม่ใช่ของจริงครับ สั่งนำเข้าจากหาดทรายที่มีชื่อเสียงของโลก ที่อื่นๆ% N/ ?' |+ i6 ^' M6 U
7 @; a5 ?3 H# ^7 i9 P1 k6 L


% N" \, E: h# q6 w* x! M
ตัวบ้านยังประกอบด้วยห้องต่างๆ ที่ทำเป็นพิเศษเช่น
* ห้องดูหนัง สำหรับคน 20 คน# r( d8 m6 }* V& I3 M9 `
* ห้องสมุดขนาด 200 ตารางเมตร! `* a5 n, v4 U
* โถงรับรองแขก ขนาดความจุ 150 คน
* ห้องอาหารอย่างเป็นทางการ- d& F% k9 d/ P4 ?4 E$ X* I
* ห้องประชุม และสำนักงาน
* ห้องออกกำลังกาย
* โรงรถ หลายโรง รวมกันแล้วจอดรถได้กว่า 30 คัน 
* สระว่ายน้ำขนาด 5.1 × 18.2 เมตร
* และสนามกีฬาภายนอก ส่วนตัว5 N' W2 `( b/ D, X3 N& }3 H


! c& X9 z( e3 `0 w0 R6 x
* K& ?# ^  [+ A! n

การ ตกแต่งภายใน รู้สึกว่า Bill Gates ค่อนข้างเป็นคนเรียบร้อยพิถีพิถันมาก เช่น ไม้ที่ใช้ทั้งหมดคัดอย่างดี ทุกแผ่นไม่มีตาหรือตำหนิ บานประตูบางบานหนักถึง 800 ปอนด์ ออกแบบซ่อนกลืนไปกับผนัง ระบบไฮเทคทั้งหลาย โดยเฉพาะพวกสวิทซ์และปลั๊กต่างๆ ก็ซ่อนไว้อย่างมิดชิด เพราะใช้ระบบอัตโนมัติทุกอย่าง ไฟก็ไม่ต้องเปิดเอง แค่เดินเข้ามาในห้อง แสงสว่างก็จะติดขึ้นเอง บ้านจึงดูเรียบง่าย ไม่รกรุงรังไปด้วยอุปกรณ์ไฮเทคทั้งหลาย แต่ก็น่าแปลกใจที่ เขากลับชอบงานสไตล์ deconstruction ที่มีรูปแบบคล้ายงานไม่เสร็จ หรือพังเสียหาย เช่นภาพในห้องนั่งเล่น ผมจึงรู้สึกว่า Gates น่าจะเป็นคนที่มีความขัดแย้งในตัวเองพอสมควร

ระบบปฏิบัติการสัญชาติจีน COS (China Operating System)


picchina2_jan14

แหล่งข่าวและที่มาภาพ:  http://thai.cri.cn/247/2014/01/21/123s217423.htm

วันที่ 15 มกราคมนี้ ระบบปฏิบัติการ COS (China Operating System) ที่ร่วมกันวิจัยและบุกเบิกโดยสถาบันวิจัยซอฟต์แวร์แห่งสภาวิทยาศาสตร์แห่ง ชาติจีนและบริษัทเทคโนโลยีเครือข่ายและการสื่อสารเหลียนถง เซี่ยงไฮ้ ได้จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่กรุงปักกิ่ง โดยระบบนี้สามารถใช้ในคอมพิวเตอร์ส่วนตัว สมาร์ท โฟน กล่องรับสัญญาณ และ เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนอัจฉริยะ ที่มีความได้เปรียบด้านหน้าจอคมชัด  ปลอดภัยและมีความเร็วสูง จะเปิดยุคใหม่แห่งอุปกรณ์อัจฉริยะของจีน  การเปิดตัวระบบปฏิบัติการ COS ครั้งนี้ เกิดขึ้นเพื่อทำลายการผูกขาดของซอฟต์แวร์พื้นฐานของต่างประเทศ เช่น แอปเปิล และ กูเกิลนำการบุกเบิกระบบปฏิบัติการที่จีนถือสิทธิทรัพย์สินทางปัญญาและมีความ เป็นจีน โดยสามารถรองรับการใช้งานโปรแกรมสำเร็จรูป(application programs) ได้มากกว่า 1 แสนรายการ
บทวิเคราะห์ข่าว
รัฐบาลจีนสนับสนุนระบบปฏิบัติการสัญชาติจีนที่เรียกว่า COS (China Operating System) หวังลดการพึ่งพาระบบปฏิบัติการแบรนด์นอกทั้งกูเกิล แอปเปิล และไมโครซอฟท์ ที่ผูกขาดตลาดจีนมานาน โดยต้องการให้ระบบปฏิบัติการจีนเป็นทางเลือกใหม่ดึงดูดผู้ใช้งานที่ต้องการ อะไรใหม่ๆ กระตุ้นให้เกิดการแข่งขันกับระบบปฏิบัติการอื่นของต่างประเทศ โดยเฉพาะไอโอเอส (iOS) และแอนดรอยด์ (Android) สมาร์ตโฟนรุ่นแรกที่ใช้ระบบปฏิบัติการจีนคือ HTC   ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนจากไต้หวัน ล่าสุดทางเอชทีซีได้ออกมารายงานแล้วว่าทางบริษัทไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับการเปิดตัวและการพัฒนาซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการแห่ง ชาติของจีนชื่อ China Operating System (COS)แม้แต่น้อย และสิ่งที่เอชทีซีทำอยู่ในขณะนี้ก็คือผลิตสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ และสมาร์ทโฟนวินโดวส์โฟนเท่านั้น และไม่มีความสนใจใน ระบบปฏิบัติการแห่ง ชาติของจีนชื่อ China Operating System (COS) เลยแม้แต่น้อย เหตุการณ์นี้เกี่ยวข้องกับปัญหาทางการเมืองของหนึ่งจีน สองระบบหรือไม่ น่าติดตามกันต่อไป

การจัดการไวรัสซ่อนไฟล์ด้วย unhidden

งานเข้ากันเลยใช่มั้ยละครับ เพราะแค่เพลอเอาเฟลตไดรว์ตัวโปรด ไปเสียบคอมฯ ของเพื่อน หรือคอมของคนอื่นๆ แค่ครั้งเดียว กลับมาเปิดดูอีกที ไฟล์งานสำคัญๆ ของเราล่องหนไปหมด
อย่า ตื่นตระหนกตกใจไปครับ เพราะบางครั้งไฟล์ต่างๆ ที่อยู่ในเฟลตไดรว์จริงๆ แล้วอาจจะยังอยู่ดีก็เป็นได้ เพียงแต่ไอ้ไวรัสตัวป่าวมันบังอาจซ่อนไฟล์หรือโฟลเดอร์ของเราเท่านั้นเอง



Unhidden เป็นโปรแกรมเล็กๆ ที่จะกู้ชีวิตของคุณให้กลับมาเหมือนเดิมอีกครั้ง วิธีการก้อง่ายๆ ครับ เมื่อได้ไฟล์มากแล้วก้อแตกไฟล์ออกมาก่อน จะได้ไฟล์ที่ชื่อว่า Unhidden v3.exe 
1. เสียบเฟลตไดรว์ของคุณ 
2. เปิดไฟล์ Unhidden v3.exe 
3. พิมพ์ตัวอักษรที่เป็นที่อยู่เฟลตไดรว์ เช่นว่า เฟลตไดรว์อยู่ที่ไดรว์ F:\ ก้อพิมตัว “F” แล้วก้อ Enter 
4. พิมพ์ “Y” แล้วตามด้วยกด “Enter” รอให้โปรแกรมทำงานจนเสร็จ 
5. เสร็จพิธีแล้ว ปิดโปรแกรมได้เลยครับ
ที่นี้ลองมาตรวจสอบดู  . . . ไฟล์/โฟลเดอร์ของเราก็กลับมาเหมือนเดิมแล้ว



วิธีการกู้ข้อมูลด้วยโปรแกรม CardRecovery

CardRecovery กู้คืนไฟล์หายใน Memory Card
เป็น ธรรมดาที่การใช้เมมโมรีการ์ดอาจสร้างปัญหาได้ในบางครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการลบไฟล์แบบไม่ตั้งใจหรือลากไฟล์จากเมมโมรีการ์ดแล้วไม่รู้ว่า เอาไปไว้ที่ไหน การกู้คืนไฟล์จากเมมโมรีการ์ดด้วยโปรแกรม Recovery เป็นอีกทางหนึ่งที่จะนำไฟล์เหล่านั้นกลับมาได้Card-Recovery-0อย่าง เช่นโปรแกรม CardRecovery นี้ ที่เป็นอีกโปรแกรมหนึ่งที่ช่วยให้เราเรียกคืนหรือกู้คืนไฟล์ที่หายไปบนเม มโมรีการ์ด ซึ่งในตัวอย่างที่เรานำมาแนะนำให้ดูนั้น เป็นเวอร์ชั่นที่เปิดออกมาให้ทดลองใช้ ซึ่งจะปิดฟังก์ชันการ Recovery File เอาที่เราจะนำมาลองให้ดูนั้น เป็นการแสดงให้เห็นว่า โปรแกรมดังกล่าวนี้มีฟีเจอร์และความสามารถในการค้นหาไฟล์ได้ดีเพียงใดCard-Recovery (1)Card-Recovery (2)Card-Recovery (3)Card-Recovery (4)Card-Recovery (5)Card-Recovery (6)Card-Recovery (7)อย่าง ที่กล่าวไว้ในข้างต้นว่า โปรแกรมตัวนี้เป็นเวอร์ชั่นที่ออกมาให้ทดลองใช้กันก่อน ต้องซื้อหรือลงทะเบียน จึงจะเปิดฟังก์ชันการ Recovery file กลับคืนมาได้ แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความเยี่ยมยอดในการค้นหาไฟล์ของโปรแกรมที่จัดว่าเหมาะ กับการใช้งานของใครหลายคน

วิธีใช้งานโปรแกรมตรวจสอบคุณสมบัติคอมพิวเตอร์ ภาคสอง


HWMonitor (โปรแกรม ช่วยวัดไข้ ให้เครื่องคอมพิวเตอร์ ของท่าน) : โปรแกรมนี้ เป็นโปรแกรมที่เอาไว้ช่วยในการวัดอุณหภูมิ ของเครื่องคอมพิวเตอร์ของท่าน เพื่อให้ท่านได้ตรวจสอบ (Monitor) ว่าอุณหภูมิบน ซีพียู (CPU), ฮาร์ดดิสก์ (Harddisk) นั้น ไม่สูงมากจนเกินไป นอกจากนี้แล้ว ไม่ใช่เพียงแค่วัดอุณหภูมิเท่านั้น โปรแกรมนี้ยังสามารถตรวจวัดความเร็วของ พัดลมระบายความร้อน บนเครื่องของท่านได้อีกด้วย ว่าไม่ให้มันทำงานน้อยหรือมากเกินไป อันก่อให้เกิดความเสียหายต่อฮาร์ดแวร์อื่นๆ ภายในเครื่องของท่านได้ครับ และตัวสุดท้ายที่สามารถตรวจวัดได้คือ กำลังไฟ (Voltages) ที่นำมาหล่อเลี้ยง

โปรแกรมนี้ ในฮาร์ดแวร์แต่ละตัว โปรแกรมจะแสดงค่าออกเป็นทั้งหมด 3 อย่างด้วยกันคือ ค่าต่ำสุด (Min.) ค่าสูงสุด (Max.) และ ค่าปัจจุบัน (Current Value) ครับ ก็เรียกได้ว่า โปรแกรมนี้เหมาะสำหรับทุกๆ คน รวมไปถึงช่างคอมพิวเตอร์ ที่จะสามารถดาวน์โหลด โปรแกรมนี้เพื่อนำมาวิเคราะห์ปัญหา จากอาการที่เครื่องอาจะจะ รีสตารท์เอง รวมไปถึงการที่ ดับ หรือค้าง (Hang) ไปโดยไม่ทราบสาเหต ได้อีกด้วยละครับ แจกฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้นครับ



IsMyLcdOK 1.2.1 โปรแกรมตรวจสอบจอภาพ LCD

LCD-01
เมื่อวันก่อนเราได้มีการพูดถึงโปรแกรม Free PC Audit 1.2 ที่ช่วยตรวจสองทางด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ของเครื่องคอมพิวเตอร์และโน้ต บุ๊กไปแล้ว ก็เลยขอเสริมอีกสักโปรแกรมที่สามารถก็อปปี้ใส่แฟลชไดร์ฟไปพร้อมๆ กันได้นั่นก็คือโปรแกรม IsMyLcdOK 1.2.1

LCD-02

โปรแกรม IsMyLcdOK นี้จะทำหน้าที่ในการตรวจสอบจอภาพ LCD ที่เรากำลังจะซื้อ หรือจอภาพ LCD ที่มาพร้อมกับโน้ตบุ๊กว่ามีปัญหาเรื่อง Dead Pixel หรือไม่ ซึ่งถ้าตรวจสอบพบเราสามารถที่จะเปลี่ยนตัวใหม่ได้เลย หรือจะไม่ซื้อก็ยังได้ แต่ถ้าเราไม่ได้ตรวจสอบก่อน เมื่อซื้อของมาแล้วการเปลี่ยนนั้นยากเพราะต้องทำตามเงื่อนไข ดังนั้นเพื่อความสมบูรณ์ในการตรวจรับเครื่องที่ใช้จอภาพแบบ LCD ไม่ว่าจะเป็นพีซีหรือโน้ตบุ๊ก นอกจากจะดูสเปคทางด้านฮาร์ดแวร์แล้วก็อย่าลืมตรวจสอบจอภาพด้วย IsMyLcdOK อีกโปรแกรมนะครับ
สำหรับการใช้งานก็ง่ายๆ ไม่มีอะไรยุ่งยากครับ หลังจากดาวน์โหลดไฟล์ .ZIP มาได้แล้วเราก็คลายไฟล์ ZIP ออกมาเราก็จะได้ไฟล์ IsMyLcdOK.exe ที่มีขนาดเพียง 13KB เท่านั้น เราสามารถก็อปปี้ไฟล์นี้ลงในแฟลชไดร์ฟและเรียกใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องติด ตั้งครับ

Developer: SoftwareOK
File Size: 8KB
License: Freeware
OS: Windows XP/Vista/7
URL: http://www.softwareok.com/